ชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกวิธี

Last updated: 14 ก.พ. 2567  |  81 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกวิธี

หลายคนอาจจะมองเรื่องง่าย ๆ อย่างการการชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การชาร์จให้ถูกวิธีนั้นช่วยยืดอายุการใช้งานให้เราสามารถใช้รถไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงการเกิดผลเสียต่อรถไฟฟ้าของคุณได้ วันนี้ จะมาแชร์เทคนิคและวิธีการชาร์จไฟรถไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกวิธี เพื่อรักษารถไฟฟ้าของคุณให้ใช้ได้นานมากยิ่งขึ้น 


  • ชาร์จไฟให้เพียงพอทุกครั้งก่อนใช้งาน
การยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ถือเป็นการช่วยตัดปัญหาให้ไม่เกิดอาการรถสตาร์ทไม่ติด และยังเป็นวิธีการที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ การทำให้แบตเตอรี่พร้อมใช้งานตลอดเวลา ยังถือเป็นการลงทุนในเรื่องของเวลาที่จะต้องเสียไป ดังนั้นจึงควรให้แบตเตอรี่ใช้งานได้อย่างปกติ เมื่อต้องการใช้งาน

  • ไม่ใช้รถไฟฟ้าจนแบตหมดเกลี้ยง
เนื่องจากแบตจะเสื่อมเร็ว เพราะการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% นั้นทำให้แบตเตอรี่ไฟฟ้ามีความร้อนมากกว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเสื่อมเร็ว ดังนั้นไม่ควรใช้งานรถไฟฟ้าหนักจนแบตเหลือน้อยกว่า 30% เพื่อยืดอายุการใช้งานแบต หากแบตเตอรี่ลดก็สามารถชาร์จได้เลย 


  • หากไม่ได้ใช้งานรถเป็นเวลานานควรชาร์จแบตอย่างน้อย เดือนละครั้ง
ถีงแม้เราจะไม่ได้ใช้งานรถไฟฟ้าเลย แบตเตอรี่ก็สามารถลดลงได้จนหมด หากแบตหมดเกลี้ยงทำให้แบตนั้นไม่สามารถชาร์จด้วยวิธีปกติได้จะต้องนำแบตไปกระตุ้นจึงจะสามารถใช้งานได้ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพลง หากไม่ได้ใช้ให้ชาร์จแบตอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อรักษาสภาพแบตเตอรี่ หรือทางที่ดีควรถอดแบตเตอรี่ออกและเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือให้โดนแสงแดดโดยตรง


  • ใช้ที่ชาร์จแบตเฉพาะยี่ห้อ เฉพาะรุ่นเท่านั้น
สำหรับข้อสุดท้ายนี้เป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก อย่าลืมว่าแบตเตอรี่แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้นกำลังวัตต์ไฟฟ้ามีความแตกต่างกัน การใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่มั่วซั่วอาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากเทียบให้เห็นภาพ แบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็ทำหน้าที่เหมือนกันกับแบตโทรศัพท์มือถือเลย เมื่อเรานำมาใช้ผิดยี่ห้อ ผิดรุ่น ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ยิ่งตัวแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่าด้วยแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะมากตามไปด้วย


  • หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตกลางแดด
การที่เราทิ้งแบตตากแดดไว้นานๆเนื่องจากแบตอาจจะเสื่อมอายุการใช้งานได้ง่าย จะทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บประจุไฟฟ้าลดลง แนะนำให้ชาร์จแบตในร่ม ในห้องที่แห้งและเย็น หรือตอนกลางคืนเนื่องจากมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่


  • หลีกเลี่ยงการทำให้แบตเตอรี่ร้อนโดยไม่จำเป็น

การชาร์จแบตเตอรี่นาน ๆ ทำให้แบตเตอรี่ได้รับความร้อนง่าย เสี่ยงแบตเตอรี่เสื่อมไว เช่นเดียวกับชาร์จหรือวางแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อน ๆ นั้นก็ส่งผลเสียกับแบตเตอรี่ด้วย เพราะการที่แบตเตอรี่เจอความร้อนมาก ๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว แถมยังทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลงอีกด้วย ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการวางแบตเตอรี่ไว้ในที่อากาศร้อนหรือใกล้ความร้อน


แบตเตอรี่รถไฟฟ้ามีกี่ประเภท?
แน่นอนว่าแบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญในการทำให้รถไฟฟ้าของเรานั้นสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โดยแบตเตอรี่จะทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ทำงานได้ ซึ่งแบตเตอรี่สามารถแบ่งได้ทั้งสิ้น 3 ประเภท ดังนี้


  • แบตเตอรี่น้ำกลั่น (Distilled water battery)
สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีตะกั่วกรด โดยส่วนผสมภายในแบตเตอรี่นั้นประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง อายุของแบตเตอรี่ชนิดนี้อยู่ที่ 1-1.5 ปี เนื่องจากแบตเตอรี่ประเภทนี้ต้องเติมน้ำกลั่นทุก ๆ 7-14 วัน ทำให้แบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถไฟฟ้า 


  • แบตเตอรี่เจล (Gel battery)
สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้มีความคล้ายคลึงกับแบตเตอรี่น้ำกลั่น โดยข้างในนั้นถูกเปลี่ยนจากน้ำกรดให้กลายเป็นเจลด้วยการเติมผงซิลิกาลงไป เมื่อตัวแบตเตอรี่ได้รับการกระทบกระเทือนก็ยังคงมีความปลอดภัย เนื่องจากน้ำกรดมีความหนืดและหกยาก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1.5-2 ปี ตอบโจทย์ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาตรวจดูรถของตนเองอยู่บ่อย ๆ ข้อเสียของการใช้แบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำโดยเด็ดขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำค้าง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสียได้


  • แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-Ion Battery)
สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ใหม่ล่าสุดของวงการยานยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะมันมีอายุการใช้งานมากึง 5-6 ปีเลยทีเดียว นอกจากแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนานกว่าแบตเตอรี่ 2 ประเภทก่อนหน้านี้แล้ว แบตเตอรี่ประเภทนี้ยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับโลกอีกด้วย 

โดยแบตเตอรี่ประเภทนี้สามารถทำงานได้เป็นระยะเวลายาวนานด้วยการชาร์จเพียงหนึ่งครั้งแลยก็ว่าได้ สำหรับข้อเสียของแบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือ หากได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่ง แบตเตอรี่ลิเทียมอาจลัดวงจร ส่งผลให้เกิดการความร้อนสูงผิดปกติและลุกไหม้ได้ 


ขั้นตอนการชาร์จแบตรถไฟฟ้าให้ถูกวิธี

1.ตรวจสอบ Adapter (ที่ชาร์จไฟ) ด้วยสายตาก่อนว่ามีการแตก หักหรือเปียกน้ำไหม ถ้ามีอาการเหล่านี้ไม่ควรนำมาใช้งานต่อ

2.เสียบปลั๊กตัวผู้กับปลั๊กไฟบ้านก่อน เพื่อเป็นการเปิดระบบการทำงานของตัว Adapter และสัญญาณไฟจะต้องขึ้นเป็นสีเขียว ถ้าขึ้นเป็นไฟสีแดงหรือไฟกระพริบ แสดงว่า Adapter มีปัญหา

3. นำเอาสายไฟอีกข้างของ Adapter มาเสียบที่เต้ารับบนตัวรถสามล้อไฟฟ้า สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง หมายความว่า ระบบการชาร์จไฟกำลังทำงาน

4. ระยะเวลาการชาร์จไฟประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพราะจะทำให้ได้ปริมาณไฟฟ้าเพียงพอต่อการใช้งาน

5. เมื่อแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็มแล้ว สัญญาณไฟที่ Adapter จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว จากนั้นให้ดึงปลั๊กที่ตัวรถออกก่อนจากนั้นจึงค่อยดึงปลั๊กไฟบ้านออกก่อน


ข้อควรระวังในการชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า

- ไม่ปลอยให้แบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 30% ยิ่งหากปล่อยให้แบตเตอรี่หมดอยู่บ่อย ๆ จะทำให้แบตเสื่อมสภาพไวมากยิ่งขึ้น

- เมื่อแบตเตอรี่รถไฟฟ้าสามล้อเต็มสัญญาณไฟที่ Adapter ขึ้นเป็นสีเขียวก็ควรจะถอดปลั๊กออกทันที ไม่ควรเสียบไว้ข้ามคืน อาจจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวขึ้นได้ กรณี Adapter เสียไม่ตัดไฟ

- ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ขณะที่มีฝนตกฟ้าร้องฟ้าคะนอง เพราะอาจจะทำให้เกิดไฟเกินหรือไฟตก ซึ่งอาจทำให้ระบบไฟทั้งหมดรวมถึงแบตเตอรี่เสียหายได้


เทคนิคยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ให้ใช้ได้นานที่สุด 

  • ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ตลอดเวลา 
รถที่แบตเตอรี่เสื่อมก็มักจะเป็นรถที่จอดไว้ไม่ค่อยใช้งาน การดูแลแบตให้ดีที่สุด คือการชาร์จแบตให้เต็มทุกครั้ง ดังนั้นเมื่อต้องจอดรถทิ้งไว้แล้วไม่ได้ใช้งาน ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้มีไฟเต็มพร้อมสตาร์ท หมดปัญหาเวลาจะใช้รถแล้วสตาร์ทรถไม่ติด ควรเลือกเครื่องชาร์จที่ตัดไฟอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลานั่งเฝ้า และสามารถเติมไฟอัตโนมัติ ในกรณีที่จอดรถทิ้งไว้ระยะเวลานานเป็นเดือน


  • ต้องชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกระแสไฟที่เหมาะสม
โดยทั่วไปแล้ว ควรชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกระแสไม่เกิน 10-15% ของความจุแบตเตอรี่ โดยจะต้องเช็คว่าแบตเตอรี่รถไฟฟ้านั้นมีขนาดความจุแบตเตอรี่ (Ah) เท่าไหร่ โดยเลือกเครื่องชาร์จหรือปรับกระแสไฟให้เหมาะสม ไม่ควรชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้าเยอะ ๆ เพื่อที่จะทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ที่ชาร์จนั้นเต็มได้เร็วขึ้น เป็นความคิดที่ผิด เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสียจากการ Overcharge


  • ชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้ากี่ชั่วโมง ถึงเรียกว่าเหมาะสม
ระยะเวลาในการชาร์จหลัก ๆ จะขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่และประจุไฟที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่แต่ละลูก ซึ่งอาจใช้เวลาอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง หากรถมีการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ไดชาร์จก็จะทำงานบ่อย ทำให้ประจุไฟในแบตเตอรี่เหลือมากกว่ารถที่จอดทิ้งนาน จึงใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่า


ข้อแนะนำในการดูแลรถไฟฟ้าเพื่อให้สามารถใช้ได้นานยิ่งขึ้น

  • ศึกษาดูคู่มือการใช้รถอย่างละเอียด
คู่มือการใช้รถไฟฟ้านั้นสำคัญมากเพราะจะบอกถึงเรื่องของการดูแลรักษารถไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าและปุ่มต่าง ๆ ของตัวรถไฟฟ้า และถ้าร้านไหนมีการรับประกันรถไฟฟ้าก็จะดีมากเลยนะคะ ในคู่มือก็จะมีเขียนถึงเรื่องของเงื่อนไขการรับประกันรถไฟฟ้าด้วย 


  • ทำความสะอาดรถไฟฟ้าอย่างเป็นประจำ
หมั่นดูแลความสะอาดรถและแผงวงจร และขั้วแบตเตอรี่ให้ดี ไม่ควรมีสนิม หรือ สัมผัสกับความชื้นเพราะอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ การทำความสะอาดรถไฟฟ้านั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ฝุ่นเกาะกับตัวรถมากเกินไป


  • ตรวจเช็คระบบต่าง ๆ ของรถไฟฟ้าอยู่เสมอ
การตรวจเช็คความผิดปกติของรถต่าง ๆ นั้น อาจจะดูยากสำหรับบางคนแต่เราสามารถตรวจเช็คเบื้องต้นได้ อาจจะลองสังเกตว่าระบบต่าง ๆ ทำงานได้ปกติดีไหม

ทั้งการทำงานของแบตเตอรี่ การชาร์จแบตเตอรี่ ระบบป้องกันการขโมย ระบบเบรค มอเตอร์ และรวมไปถึงยางรถ นอกจากจะเช็คด้วยตัวเองเบื้องต้นแล้ว ควรหมั่นนำไปเช็คระบบภายในของรถที่ศูนย์อย่างเป็นประจำเสมอ เพื่อตรวจเช็คความผิดปกติของรถ และซ่อมได้ทัน

การบำรุงรักษาและการดูแลรถไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถยืดอายุการใช้งานรถไฟฟ้าได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เพียงแค่ลองนำวิธีดูแลรถเหล่านี้ไปปรับใช้กับการดูแลรถของคุณได้ง่าย ๆ ในเบื้องต้นตามที่เราได้แนะนำ ก็จะสามารถช่วยป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานรถไฟฟ้าให้ใช้ได้ยาวนานและคุ้มค่ายิ่งขึ้น 


  • การซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า
การซ่อมรถไฟฟ้า ร้านรับซ่อมทั่วไปอาจจะไม่มีอะไหล่สำหรับรถไฟฟ้า และช่างซ่อมรถทั่วไปอาจจะไม่มีความรู้ด้านการซ่มรถไฟฟ้า อาจทำให้ซ่อมหรืแก้ไขไม่ตรงจุด เพราะระบบของรถไฟฟ้านั้นมีความแตกต่างกับรถจักรยานยนต์ทั่วไป หรือในบางรายอาจจะทำให้ประกันหมดได้ ถ้าหากรถไฟฟ้ามีปัญหา ควรส่งซ่อมที่ศูนย์บริการสำรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพราะมีอุปกรณ์ อะไหล่ และช่างที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ก่อนจะซื้อรถไฟฟ้า ควรต้องเลือกซื้อกับร้านที่มีการรับประกันรถ ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ แบตเตอรี่ และมีทีมช่างพร้อมให้บริการแบบครบครัน


เลือกซื้อรถไฟฟ้าจากร้าน MR. Bike มีบริการหลังการขาย 
ก่อนซื้อรถไฟฟ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องดูบริการหลังการขายด้วย มีการให้บริการหรือการพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดดีไหม เราควรเลือกซื้อกับร้านที่มีบริการหลังการขาย แนะนำแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 3 ล้อได้เป็นอย่างดีอย่างดี ทางร้าน MR. Bike ของเรามีบริการหลังการขายเรายินดีพร้อมให้บริการและคำปรึกษา โดยทีมช่างมากประสบการณ์ 


สำหรับคุณลูกค้าที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลรถไฟฟ้า สามารถสอบถามเราได้ ทางร้านมีของเรายินดีพร้อมให้บริการและคำปรึกษา โดยทีมช่างมากประสบการณ์ ตลอด 24 ชม.

ร้าน MR. Bike จำหน่ายรถไฟฟ้า 2ล้อ, 3 ล้อ และ 4 ล้อ มีให้เลือกหลากหลายรุ่น หลากหลายสไตล์ พร้อมให้คำแนะนำรุ่นตอบโจทย์การใช้งาน  สามารถทดลองขับได้ฟรี ได้ที่หน้าร้านของเรา

#ชาร์จไฟ #สามล้อไฟฟ้า #รถ3ล้อไฟฟ้า #มอเตอร์ไซค์สามล้อไฟฟ้า #รถผู้สูงอายุ #มอเตอร์ไซค์สามล้อ #3ล้อไฟฟ้า #รถสามล้อผู้สูงอายุ #สกูตเตอร์สามล้อไฟฟ้า #จักรยานไฟฟ้า #มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า #สามล้อไฟฟ้ามีหลังคา #รถกอล์ฟไฟฟ้า #รถสามล้อ #รถสามล้อไฟฟ้า #รถฟาอัล #รถสามล้อบรรทุก #รถสามล้อบรรทุกไฟฟ้า #รถ3ล้อ #รถสามล้อจดทะเบียน #รถ3ล้อจดทะเบียน #รถ3ล้อบรรทุก #รถ3ล้อบรรทุกไฟฟ้า #รถบรรทุก #รถฟู๊ดทรัค #มอไซค์3ล้อ #สามล้ออเนกประสงค์ #สามล้อฟู้ดทรัค #รถจักรยานยนต์สามล้อไฟฟ้า #รถสามล้อเครื่อง #รถจักรยานยนต์สามล้อ #สามล้อเครื่องยนต์ #สามล้อขนของ #3ล้อขนของ #3ล้อบรรทุกของ #มอเตอร์ไซค์ไม่ใช้น้ำมัน #รถไม่ใช้น้ำมัน #มอเตอร์ไซค์ไร้น้ำมัน #มอเตอร์ไซค์สามล้อไม่ใช้น้ำมัน #รถไฟฟ้าไม่ง้อน้ำมัน #ทางเลือกใหม่ #ยุคไรน้ำมัน #สามล้อไฟฟ้ารุ่นไหนดี #มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นไหนดี #รถไฟฟ้าไฟฟ้ารุ่นไหนดี #มอเตอร์ไซค์สามล้อรุ่นไหนดี #มอเตอร์ไซค์สามล้อไฟฟ้ารุ่นไหนดี
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้